AirTag นวัฒกรรมใหม่ของ Apple ที่จะทำให้คนขี้ลืมจะสามารถหาของเจอได้ด้วยตัวเองแล้ว ทาง slotnews จะ แนะนำวิธี Reset AirTag และศึกษา AirTag ไปพร้อม ๆ กัน AirTag คือวิธีที่ง่ายสุดๆ
Apple เปิดตัว AirTag Apple ขยายระบบนิเวศ ” ค้นหาของฉัน ” ด้วย AirTag ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม iPhone ที่ช่วยให้คุณมีวิธีที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในการระบุตำแหน่งสิ่งของสำคัญได้ง่าย ๆ AirTag ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมชิ้นเล็กที่เรียบหรูดูดีเพื่อช่วยติดตามและค้นหาสิ่งของสำคัญโดยอาศัยแอปค้นหาของฉันจาก Apple ซึ่งไม่ว่าคุณจะติด AirTag ไว้กับกระเป๋าถือ กุญแจ กระเป๋าเป้ หรือสิ่งของอื่นๆ
AirTag ก็จะอาศัยเครือข่ายค้นหาของฉันที่กว้างไกลทั่วโลก เพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไป และขณะเดียวกันยังมีการเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยไม่มีการระบุตัวตน AirTag มีจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,390 บาท ตามลำดับ
AirTag ทรงกลมแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของ AirTag
พร้อมด้วยที่ครอบแบบถอดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ AirTag ยังมาพร้อมประสบการณ์การตั้งค่าที่มหัศจรรย์ไม่ต่างจาก AirPods เพียงแค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone ทั้งคู่ก็จะเชื่อมต่อกันทันที
จากนั้นผู้ใช้สามารถตั้งชื่อและเลือกว่าจะใช้ AirTag ชิ้นนั้นกับสิ่งของอะไร โดยจะเลือกจากค่าเริ่มต้นอย่าง ” กุญแจ ” และ ” เสื้อแจ็คเก็ต ” หรือจะตั้งชื่อเองก็ได้
เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว AirTag จะปรากฏในแถบ “สิ่งของ” ใหม่ในแอปค้นหาของฉัน โดยที่ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งปัจจุบันหรือตำแหน่งสุดท้ายของสิ่งนั้นบนแผนที่ได้ และหากผู้ใช้หาของไม่เจอแต่อยู่ในระยะของ Bluetooth
ก็สามารถใช้แอปค้นหาของฉันเพื่อสั่งให้ AirTag ส่งเสียงเพื่อช่วยให้หาเจอได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถบอกให้ Siri ค้นหาสิ่งของ แล้ว AirTag ก็จะเล่นเสียงหากอยู่ใกล้ ๆ
AirTag มาพร้อมชิป U1 ที่ออกแบบโดย Apple และใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคุณสมบัติ ” ตำแหน่งที่ตั้งจริง ” หรือ Precision Finding5 สำหรับผู้ใช้ iPhone 11 และ iPhone 12
เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้สามารถบอกระยะห่างและทิศทางไปยัง AirTag ที่หายไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำเมื่ออยู่ในระยะ และเมื่อผู้ใช้เคลื่อนที่ คุณสมบัติ ” ตำแหน่งที่ตั้งจริง ”
จะใช้ข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้อง , ARKit , อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปประกอบกัน แล้วพาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งของ AirTag โดยใช้ทั้งเสียง การสั่น และภาพในการนำทาง
AirTag ได้รับการออกแบบมาตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อเก็บรักษาข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเป็นส่วนตัวและปลอดภัย โดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลและประวัติตำแหน่งที่ตั้งไว้ในตัวอุปกรณ์ AirTag
และการสื่อสารกับเครือข่ายค้นหาของฉันยังได้รับการเข้ารหัส ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จึงมีเฉพาะเจ้าของเท่านั้น ที่สามารถดูข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของ AirTag ได้ โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ช่วยหา แม้แต่ Apple เอง
AirTag ยังได้รับการออกแบบให้มาพร้อมคุณสมบัติ ส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันการติดตามโดยไม่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของวงการ โดยมีการหมุนเวียนตัวบ่งชี้สัญญาณ Bluetooth ที่ AirTag ส่งออกมาอยู่เป็นระยะๆ
เพื่อป้องกันการติดตามตำแหน่งที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้อุปกรณ์ iOS ยังสามารถตรวจจับ AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ พร้อมกับแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากมี AirTag ที่ไม่รู้จักเดินทางไปยังที่ต่างๆ หลายแห่งพร้อมกับผู้ใช้
และถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่มีอุปกรณ์ iOS แต่หาก AirTag แยกกับเจ้าของเป็นเวลานาน ก็จะเล่นเสียงเมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกความสนใจ ยิ่งกว่านั้นหากผู้ใช้พบ AirTag ที่ไม่รู้จักก็สามารถใช้ iPhone
หรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC แตะที่ AirTag นั้น แล้วทำตามคำแนะนำเพื่อปิดการทำงานของ AirTag ที่ไม่รู้จักได้ทันที